กรุณา…อย่าฝืนธรรมชาติ

กรุณา…อย่าฝืนธรรมชาติ

การเปิดบ้านเฆี่ยนเอาชนะ ไชนีส ไทเป 2-0 เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ราชมังคลากีฬาสถาน

 ถือเป็นการทำได้ตามเป้าสเต็ปแรกของทีมลูกหนังชาติไทย ในการลุ้นเข้ารอบศึกเอเชี่ยนคัพ 2027 แล้วนะครับ

หลังผลการแข่งขันอีกคู่เป็นใจให้กับเราอย่างยิ่ง เมื่อ เติร์กเมนิสถาน พลาดท่าบุกไปพ่าย ศรีลังกา 0-1

ทำให้ตารางคะแนนล่าสุด ของกลุ่มดี มี 3 ชาติ ที่มี 6 แต้ม คือ เติร์กฯ กับ ศรีลังกา ที่ประตูได้เสีย +2 เท่ากัน

ขณะที่ไทย ก็บวกเพิ่มเป็น 6 คะแนน แต่ประตูได้ยังเป็นรองทั้งสองชาติอยู่เพียงลูกเดียวเท่านั้น!

นั่นหมายความว่า…ภารกิจของทีมช้างศึกจะไม่ต้องกดดันมากนัก เพราะไม่ต้องพึ่งพาหรือยืมจมูกคนอื่นหายใจอีกต่อไป

อีก 3 เกมที่เหลือนับจากนี้ ถ้าคว้าชัยเหนือคู่แข่งด้วยสกอร์เท่าไหร่ก็ได้  หรืออย่างน้อย จะสะดุดออกไปเสมอในเกมกับศรีลังกา…ซักแมตช์

ก็ยังเพียงพอต่อการซิวแชมป์กลุ่มตีตั๋วสู่รอบสุดท้ายที่ซาอุดิอาระเบียทันที

เรียกว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี กับความหวังและโอกาสที่พลิกกลับตารปัตมาเป็นของเราบ้าง หลังเครียดกันมานานจากการผลแห่งการออกไปพ่ายเติร์กฯ ในนัดที่2

แม้ว่าฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีมช้างศึก ในเกมคว้าชัยเหนือไต้หวัน จะยังดูอึดอัดไม่ค่อยถูกอกถูกใจแฟนบอลบ้านเราเท่าใดนัก

โดยเฉพาะเกมรุกที่เราเป็นฝ่ายบุกหนักพับสนามอยู่ข้างเดียวแบบวันเวย์ตลอดทั้งเกม

ขณะที่นักเตะไต้หวันก็ตั้งอกตั้งใจมาเล่นเกมรับ แบบ “รถบัส” ลูกเดียว จนแทบไม่คิดที่จะหาจังหวะสวนโต้กลับมายิงประตูบ้างเลย

ซึ่งเกมนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ ตัดสินใจให้ทีมชาติไทย ทดลองเล่นในระบบ False 9

โดยไม่มีหน้าเป้าอาชีพ แต่จับ เบน เดวิส ลงไปยิงประตู

ทำให้ครึ่งแรกเกมรุกดูติดๆขัดๆ  ไม่ลงล็อกเท่าที่ควร จังหวะสุดท้ายขาดๆเกินๆยังไงพิกล

สุดท้ายก็ยังยิงไต้หวัน ที่ถอยลงมารับลึกไม่ได้

หนุ่มเบน ที่เคยเป็นกลางรุกที่พริ้วไหว ทรงประสิทธิภาพแบบสุดๆ กลายเป็นทำอะไรไม่ถนัด

เช่นเดียวกับ “เท่ห์” เจริญศักดิ์ วงษ์กร ก็พยายามกระชากริมเส้นเข้าไปเปิดบอลในหลายจังหวะ แต่ก็ไม่มีคนจบสกอร์อยู่ดี

 ยังดีที่ครึ่งหลังเรามาได้ประตูขึ้นนำเร็วจาก เสกสรรค์ ราตรี ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อมาจากทีมชาติชุดยู23 และต้นสังกัด ระยองเอฟซี

 ลงมาเปลี่ยนสถานการณ์ที่กำลังตื้อๆ ด้วยการโขกบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวย

 ทำให้ทุกคนคลายความกดดัน ก่อนที่ “กัปตันเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะวอลเลย์ปิดกล่องให้ทีมชาติไทยกำชัยไป 2 เม็ดตามเป้า

 ซึ่งความจริงด้วยรูปเกมแล้ว เราน่าจะได้ประตูมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

 หากครึ่งแรกไม่ฝืนธรรมชาติ ไปเล่นแผน False 9 ที่ตัวเองไม่ถนัดโดยสิ้นเชิง

 ส่วนเกมหน้าในวันอังคารที่ 14 ต.ค.นี้ ไทยจะไปเยือนบ้าน ไชนีส ไทเป ต้องเก็บอีก 3 แต้ม แต่น่าจะเล่นง่ายขึ้น

 เพราะแข้งไต้หวันเจ้าถิ่น คงจะหันมาเปิดเกมรุกใส่เราอย่างเต็มที่ ไม่ตั้งหน้าตั้งตาอุดมันตะพึดเหมือนเกมนี้

 ตอนแรกดีใจ เห็น อิชิอิ ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากเกมแรก ที่ โจนาธาร เข็มดี กับ เจริญศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ

 หลายคนคิดว่ากุนซือซามูไร น่าจะกลับใจหันมาเรียก “เฮียมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เข้ามาเสริมพลังยิงประตู

 หรือไม่ก็ตัดสินใจเรียก “โก๋อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ตามคำเรียกร้องของแฟนๆ

 แต่ที่ไหนได้ อิชิอิ ก็ยังเป็น อิชิอิ ที่ยึดมั่นในสควอชผู้เล่นตัวเดิมๆที่ตัวเองเคยเรียกใช้งานในคิงส์คัพ

 คือ สันติภาพ จัทร์หง่อม กับ ทรงวุฒิ ไคร่ครวญ  ที่เป็นผู้เล่นแนวรับ ด้วยกันทั้งคู่

 ก็เลยยังเดาใจแกไม่ออกเหมือนกัน ว่าแผนการณ์ต่อไปที่กุนซือปลาดิบจะใช้ในเกมบุกไต้หวัน

 ในสถานการณ์ที่ไทยเราจะต้องได้ 3 แต้ม (อีกครั้ง)เพื่อลุ้นต่อในอีก 2 เกมสุดท้าย จะออกมาเป็นอย่างไร

 เอาเถอะครับ ไม่ว่าจะเรียกใคร หรือคิดจะเล่นแบบไหน สูตรพิสดารยังไง

 แต่ขออย่างเดียว กรุณาอย่าฝืนธรรมชาติจับนักเตะไปยัดในตำแหน่งที่เค้าไม่ถนัด

 หรือทดลองแผน False 9 เหมือนอย่างเกมที่ผ่านมา (อีก) อย่างเด็ดขาด

 บอกตามตรง…มันเสียอารมณ์ และเสียของ โดยใช่เหตุ !!!

               บี บางปะกง

แท็ก